ความสุขที่หายไป

จากคนใครสักคนที่เหงาจนแทบจะเป็นบ้า

——————————————

เรียนมาก็เทอมหนึ่ง กับอีกครึ่งเทอม อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบไฟนอล ทั้งที่การสอบมิดเทอมเพิ่งผ่านมาได้ไม่กี่วัน

เพราะเป็นคนที่พูดไม่เก่ง ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนกับเขามากนัก จึงไม่รู้สึกสนุกสนานกับชีวิตวัยรุ่นอย่างที่ควร ทั้งๆที่คนอื่นเขามันส์กันจะตาย ทั้งกิจกรรม ทั้งเพื่อนฝูง เฮไหนไปนั่น อะไรแบบนั้น

แต่เพราะทั้งวัน เราอยู่คนเดียวตลอด คุยก็คุยกับตัวเองในจิตใจตลอดเพราะไม่รู้จะคุยกับใคร มันทำให้รุ้สึกว่า บางทีการพูดคุยกับตัวเองตลอดเวลา นอกจากจะทำให้ได้คิดอะไรมากขึ้นแล้ว มันก็อาจจะทำให้เป็นโรคประสาทได้เหมือนกัน

ว่ากันว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม น่าจะเป็นความจริง

คิดๆดูแล้ว เคยอ่านข่าวเกี่ยวกับเผ่าๆหนึ่งในแอฟริกา ที่เหลือคนที่พูดภาษาดั้งเดิมเพียงแค่คนเดียวบนโลกใบนี้ อารมณ์เขาคงจะเหมือนเราในตอนนี้ คือไม่รู้จะพูดคุยกับคนอื่นได้ยังไง ไม่รู้จะไประบายความในใจกับใคร ได้แต่คุยกับต้นไม้ใบหญ้าและสายลมที่พัดผ่านหน้า

การอยู่กับตัวเอง ทำให้หลีกเลี่ยงความเหงาไม่ได้

และความเหงา ก็มักจะเป็นตัวการที่ทำให้คนเราฟุ้งซ่าน

ชีวิตมหาลัย ควรจะสนุก แต่…เรากลับเบื่อเหลือเกิน เพราะไม่มีใครที่จะคุยด้วยได้ มันไม่เหมือนกับสมัยมัธยม เพราะอยู่ด้วยกันมานานกว่า แถมไม่ต้องเปลี่ยนห้องมากด้วย เลยสนิทกันมากจนพูดกันได้ทุกอย่าง

เพื่อนมหาลัย กลับไม่เป็นอย่างนั้น

บางที อาจจะมีเพื่อนที่ดีอยู่กลาดเกลื่อน แต่เราคงเป็นคนโชคร้ายที่เจอแต่เพื่อนแย่ๆ เพื่อนที่ไม่เคยช่วยงานเลยแต่ก็เดินมาเขียนชื่อตัวเองลงในรายงานเฉย เพื่อนที่ติดต่อมาเฉพาะต้องการจะขอลอกการบ้านเท่านั้น ( และคิดว่าเราคงจะให้เรอะ ฝันไปแล้วล่ะ ) แม้กระทั่งรุ่นพี่ที่เรียนในเซ็กชั่นเดียวกันก็ไม่เคยที่จะไต่ถามเรื่องทั่วไป เอาแต่ชวนคุยตลอดเวลาที่มีงานเข้ามา และพองานเสร็จก็หายหัวไป

พักเที่ยง กินข้าวกับใคร – – – คนเดียว , แต่ถ้าเพื่อนที่มาจากโรงเรียนมัธยมเดิมของเราอยู่ด้วยในวันนั้น ก็คงโชคดีหน่อย แม้จะมีโอกาสได้เจอกันแค่วันเดียวก็ตาม

หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ อยู่กับใคร – – – คนเดียว…เป็นช่วงเวลาที่ได้คุยกับตัวเองมากที่สุด

เวลาเรียน อยู่กับใคร – – – คนเดียว…พยายามทำความเข้าใจด้วยตัวคนเดียว รู้เลยว่าชีวิตต้องสู้ ถ้าไม่รับผิดชอบชีวิตตัวเราเองแล้ว คงจะไม่สามารถมีใครมาช่วยเราได้อีก

คงเพราะเราเป็นคนที่เงียบ…I have a wall in my heart. เราไม่เคยไว้ใจคนแปลกหน้าเลย และจะเป็นคนที่ไว้วางใจคนอื่นได้ยากด้วย กว่าจะยินยอมรับความสนิทสนมฉันเพื่อนด้วย คนๆนั้นต้องผ่านการตัดสินจากเรานาน…นานมาก

และนั่นคงเป็นสาเหตุที่เราหาเพื่อนไม่ได้

ข้อสอง คงเป็นเพราะเราชอบอ่านหนังสือ…ชอบอ่านหนังสือมากกว่าพูดคุย เพราะเราเป็นคนคุยไม่เก่ง เราถนัดที่จะรับฟังและคิดตามมากกว่าจะที่หยิบยกประเด็นอะไรขึ้นมาคุย เราคิดไม่ออกหรอกว่าจะชวนคุยเรื่องอะไรดี เพราะกลัวด้วยว่าชวนเขาคุยแล้วเขาจะไม่ชอบเรื่องที่เรายกขึ้นมาพูด

นั่นแน่…ไปๆมาๆเราก็เป็น Under personal นี่เอง

การที่เราชอบอ่านหนังสือเงียบๆ และฟังเพลงเพราะๆคลอไปด้วย มันทรมานไหม ไม่เลย เรารักและชอบที่มีชีวิตสงบ แต่เรารู้ว่าเราก็ไม่ใช่คนขี้แงหรืออ่อนแอปวกเปียก บทจะบ้าก็บ้าได้ เราเคยยิงธนู ขี่ม้า ยิงปืน ปีนเขา อะไรต่อมิอะไรมาแล้ว เราเคยท้าทายกับชีวิตด้วยอะไรบ้าๆ เล่นเครื่องเล่นเสียวๆในดิสนีย์แลนด์และเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง

เราไม่ใช่คนอ่อนแอ และไม่ใช่คนหงิม

แต่ก็นั่นแหล่ะ…ราศีเมถุนว่ากันว่ามีสองบุคลิกในร่างเดียว เห็นท่าว่าจะจริง

ไม่คิดหรอกว่าจะหาคนที่เข้าใจเราได้ ความซับซ้อนในตัวเองยังแทบจะทำให้เราสับสนกับตัวเอง คุยกับตัวเองมากๆยังรู้สึกเลยว่าเอ…เรานี่ท่าจะบ้าว่ะ หรือไม่ก็ นี่เราบ้าไปแล้วจริงๆ?

และเนื่องด้วยไม่มีใครให้ระบายอารมณ์ด้วยเลย เราก็เลยนึกถึง WordPress ที่สมัครไว้นานมาก และเคยใช้แค่ครั้งเดียวขึ้นมา…คงจะยาก ที่จะมีใครสักคนผ่านมาอ่านอะไรไร้สาระของเรา แต่ก็นั่นล่ะ การมีที่ระบายอารมณ์ดีกว่าไม่มีเลย อย่างน้อยมันก็ทำให้เราหายเครียด หายสับสน หายบ้าได้ชั่วขณะ

ยังมีอีก 3 หรือ 4 ปีที่เราต้องสู้ต่อในมหาลัย ก็ได้แต่หวังว่าเราจะทนมันไปได้ ผ่านมันไปได้ด้วยดี หรืออย่างน้อย ขอให้เราได้เจอกับเพื่อนดีๆเข้ามาในชีวิตบ้าง เจอกับคนดีๆบ้าง อย่างน้อยแค่คนเดียวก็ยังดี แทนที่จะไม่มีเลยในแบบนี้

Please, please, my lord. Please give me the happiness that I need so much, please bring back my peaceful time and my smiling face.

Please help your little daugther to have a beautiful life again.

Amen.

——————————————

ปล. เพลงนี้ไม่ได้มีความหมายแฝงอะไร แต่ก็โดนใจนิดส์ๆ ไม่เคยดูเรื่องใจร้าวหรอก แต่รู้สึกว่าเพลงนี้เพราะดี เลยเอามาประดับเล่นๆ heh heh ^_^

อยากมีชีวิตเพื่อเธอ – อ๊อฟ ปองศักดิ์ / โบ สุนิตา

ชีวิตของเด็กคนหนึ่ง

จาก exteenbolg มาสู่ wordpress…ชีวิตของใครคนหนึ่ง ก็ยังน่าเบื่อหน่ายอยู่อย่างนั้น

แต่งนิยายไปวันๆ เล่นเกมส์ไปวันๆ อ่านหนังสือ ฟังเพลง วาดรูปไปวัน…เป็นการใช้ชีวิตที่ซ้ำซาก จำเจ ทั้งน่าเบื่อแต่ก็สงบสุข

แต่วันที่ 19 นี้ อะไรๆก็จะเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว

เด็กผู้หญิงที่เคยได้แต่จินตนาการถึงโลกกว้าง กำลังจะได้ออกไปเผชิญโลกแห่งความจริง

ณ โรงเรียนบ้านน้ำคำน้อย จังหวัดอุบลราชธานี…คือสถานๆที่เรากำลังจะไป กับทริปค่ายอาสาพัฒนาชนบทของมหาวิทยาลัยที่เคยได้ใฝ่ฝันไว้ว่า สักครั้งหนึ่ง ฉันจะต้องไปให้ได้ ไปดูให้รู้ว่าชาวบ้านคนอื่นๆเขาใช้ชีวิตกันยังไง เขาลำบากกันแค่ไหน เขาต้องพบกับอะไรบ้าง…ส่วนหนึ่ง เพื่อเก็บเป็นข้อมูลในการเขียนนิยาย แต่อีกส่วนหนึ่ง…คือเสียงเรียกร้องจากหัวใจให้ทำอะไรบางอย่างเพื่อคนอื่นบ้าง

เราสะดวกสบายมาตลอดสิบแปดปี…สิ่งไหนอยากได้ ก็มักจะได้…โรงเรียนมัธยมสอนให้เรารู้จักรับใช้ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ทฤษฏี

แต่นี่…เรากำลังจะออกไปผจญโลกกว้างแล้ว…นอนกับดิน กินกับควาย ไปไถนา ไปผจญกับความลำบากนับร้อยประการ

ขอให้ทริปนี้ เป็นทริปที่ทุกคนต่างมีความสุข มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า เป็นความทรงจำที่ดีและมีความสุข

ขอให้โลกนี้มีแต่ความสุข ขอให้ในหลวงจงทรงพระเจริญ…ขอให้ประเทศไทย กลับสู่ความสามัคคีโดยเร็ว

– ปลาทองตาบวม –